วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ใช่เรารึปล่าว รีบปรับ

สิ่งมีชีวิตที่ผมเกลียด และขยะแขยง มากกว่าแมงสาบ 
คือคน 
เห็นแก่ตัว 
คนที่คิดว่าตัวเองคือจุดศูนย์กลางของโลก
คนที่ไม่มีคำว่าเสียสละและแบ่งปันในหัวใจ 
เอ็กซ์แซมเปิ้ล 
- คนที่รีบกดปิดลิฟท์แม้จะรู้ว่ามีคนกำลังวิ่งจะเข้าลิฟท์
- คนที่นั่งเฉยๆ มองเพื่อนๆ ยกข้าวของกันอุตลุต
- คนที่รีบชิงแท็กซี่ ทั้งๆ ที่คนอื่นเป็นคนโบกรถ
- สัมภเวสีที่โทรศัพท์ในโรงหนัง
- คนที่พ่นควันบุหรี่โดยไม่ดูทิศทางลมว่ามันปลิวไปใส่หน้าใคร
- คนที่เลี้ยงสัตว์แต่ไม่ใส่ใจว่ามันจะไปขี้หน้าบ้านคนอื่น
- คนยืมเงินแล้วไม่คิดคืน
- คนกินข้าวแล้ววางจานให้คนอื่นล้าง
- คนทิ้งพ่อแม่
- คนที่เลือกหยิบเค้กชิ้นใหญ่ที่สุดในถาด 
คนที่ไม่เคยคิดที่ออกเงินเอง คิดแต่อยากได้ ไม่เคยออกเงิน
 คนเหล่านี้มีอยู่รอบๆ ตัวเรา
และอยู่รอบๆ ตัวผม
คนที่เคยแสดงออกถึงความเห็นแก่ตัวแม้เพียงหนึ่งครั้ง
จะลดค่าตัวเองเป็นบุคคลต่ำชั้นเพียงชั่วพริบตา
และยากที่ดึงความรู้สึกให้กับมาสูงขึ้นมาได้ 
พวกเค้าหารู้ไม่ว่า
คนที่มีค่าที่สุด
คือคนที่หยิบเค้กชิ้นใหญ่ที่สุดในถาด 
เพื่อ 
เอามาให้คนที่ไม่มีโอกาสที่จะได้หยิบเค้กก้อนใหญ่ชิ้นนั้น

การทำงาน

คนเห็นแก่ตัว มีผลเกี่ยวเนื่องกับ ความไม่จริงใจ 
กล่าวรวมๆ คนเห็นแก่ตัวก็น่าจะเป็นคนไม่จริงใจด้วย 
ดังนั้นชีวิตจึงดำรงอยู่ด้วยการปั้นหน้ากับคนรอบข้าง
 และคนรอบข้างก็ไม่จริงใจกับเค้า
คนเห็นแก่ตัวมักจะอ้างสรรพคุณว่าตนเองจริงใจ
เพื่ออำพรางความไม่จริงใจของตน
ทั้งๆ ที่ความจริงใจ เกิดจากการ "ให้" ในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายต้องการ
และจะมีค่าอย่างแท้จริง เมื่อ "ให้" ไปโดยแม้อีกฝ่ายยังไม่ได้ร้องขอ
แต่คนเห็นแก่ตัวจะ "ให้" ก็ต่อเมื่อมีผลประโยชน์กับตน
หรือสถานการณ์จำต้องให้ 
เราสามารถวัดความเห็นแก่ตัวกันได้ง่ายๆ
แค่เราตะโกนบอกว่าเรายกของชิ้นนี้คนเดียวไม่ไหว
ในเหตุการณ์ที่ทุกคนได้ยินทั่วถึงกันหมด
อากัปกริยาของแต่ละคนจะบ่งบอก
บางคนลุกขึ้นมอง
บางคนชะโงกหน้ามอง
บางคนมองหน้าเรา
บางคนเดินขึ้นมาถาม
บางคนเดินมาขยับๆ ของ 
คนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
คือคนมีน้ำใจ
แม้งานข้างหน้าของเค้าอาจจะยุ่ง
แต่ความจริงใจและน้ำใจที่มีแต่เรา
จะสร้างความกระวนกระวายใจให้เค้าไม่แพ้กัน
แค่เพียงมองหน้า,ชะโงกหน้า ลุกขึ้นมามอง
นั่นคือภาษากายที่บ่งบอกว่า "เมิงจะให้กุช่วยมั๊ย"
คงไม่ต้องบอกถึงคนที่เดินมาหรอกนะ 
แต่บางคน
เมื่อได้ยินเสียงแล้วมองขึ้นมาแล้ว
จะหดหัวกลับเข้าหน้าคอมทันที
พร้อมกับทำท่ายุ่งวุ่นวายเสียเหลือเกิน 
ถ้าคุณเจอแบบนี้ ถือว่าคุณโชคดี
เพราะคุณได้เจอพระเอกของเรื่องที่ผมเล่าอยู่ในตอนนี้ล่ะ


เกี่ยวกับเรื่องงาน
คนเห็นแก่ตัวเมื่อถูกร้องขอให้ช่วย หรือ มีบางอย่างให้ช่วย
เค้าจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวบางอย่างที่ใช้ได้ดีเสมอ
นั่นคือการกล่าวอ้าง "หน้าที่" หรือ "ตำแหน่ง" ของตน
เพื่อให้ขอบเขตการทำงานของตนเองไม่เกินหน้าที่
แม้กระทั่งช่วยผู้หญิงแก่ๆ ในแผนกสักคนช่วยยกลังเอกสาร
ก็ถือว่าไม่ใช่หน้าที่ เพราะบริษัทไม่ได้จ้างมายกของ
ชั้นมาทำงานที่นี่เพื่อ "คิด" 
จนบางทีคุณก็อาจอยากจะเถียงกลับไปว่า
 "ที่ทำๆ อยู่นั่น ...
คิดแล้วเหรอ"

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

ยึดพวกพ้องทำให้ประเทศไทยเสื่อม

ท่าน พอ.เปรม ฯชี้พวกพ้อง ทำไทยเสื่อม ไร้นิติรัฐยุติธรรม (ไทยรัฐ)

         
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่มหาวิทยาลัยรังสิต พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวปาถกฐา ในงานประชุมวิชาการว่าด้วยนวัตกรรมผู้นำระดับครั้งที่ 2 "การพัฒนาผู้นำเพื่อสร้างสังคมธรรมาธิปไตย" ว่า คำว่าธรรมาธิปไตย คือ การถือธรรมเป็นใหญ่ถือความถูกต้องเป็นหลัก ดังนั้น สังคมธรรมาธิปไตย เป็นสังคมที่น่าอยู่ น่าศรัทธา เป็นที่ต้องการของคนหมู่มาก เมื่อเอ่ยถึงผู้นำ เราจะได้มาโดยการสร้าง แต่มีข้อยกเว้นสำหรับคนบางคน เพราะเกิดมามีลักษณะผู้นำมาด้วย แต่ก็มีน้อยมาก แต่ก็ใช่ว่าจะมีครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ จำต้องสร้างหลายสิ่งหลายอย่าง

          ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ  กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เรากำลังเผชิญในปัจจุบันนี้ ปัญหาเรามีผู้นำหรือยัง มีพอแล้วหรือยัง ผู้นำเหล่านั้นเข้าใจธรรมาธิปไตยหรือยัง มีความพร้อมหรือยัง ดังนั้น เราต้องสร้างผู้นำ พร้อมที่จะพัฒนาธรรมาธิปไตยหรือยัง จึงขอเสนอว่า..

         
1. ขณะนี้เรามีผู้นำแล้วมากมาย อาจจะมากเกินไป มีคนจำนวนมากอาสาเป็นผู้นำ แต่มีเสน่ห์น้อย ไม่มีใครอยากตาม ฉะนั้น เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสร้างระบบสรรหา นำมารวมเป็นธรรมาธิปไตย 

         
2. ธรรมาธิปไตยเข้าใจง่าย แต่ผู้นำขณะนี้เข้าใจหรือไม่ รับได้หรือไม่ หรือรับได้แต่ไม่ชอบ ไม่ประสงค์นำไปใช้ เพราะไม่สอดคล้องกับความเป็นสำเร็จของตนแล้ว พวกพ้อง ถ้าสังคมธรรมาธิปไตยเกิดขึ้นได้จริง คนไทยจะมีความสุข เพราะจะได้รับความเป็นธรรม ถือความถูกต้องเป็นหลัก ประเทศอันเป็นที่รักของเราจะเป็นปกติสุข

          พล.อ.เปรม กล่าวอีกว่า การสร้างคล้ายกันมาก จะผิดกันเฉพาะแต่การนำไปใช้ มีสิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวแปร คือวัฒนธรรมหมายรวมจารีตประเพณี ประเทศไทย ความเป็นเพื่อน ผู้มีพระคุณ ทำให้บทบาทผู้นำต่างออกไป จนทำให้เกิดเสียความยุติธรรมและนิติรัฐ ทั้งนี้เชื่อว่าผู้นำที่จะร่วมกันสร้างธรรมาธิปไตยนั้นต้องเป็นคนดี โดยคนดีนั้น ต้องมีคุณสมบัติ..

         
1. ต้องเข้าใจ สามารถแยกแยะความดีกับความชั่ว
          2. ซื่อสัตย์ สุจริต
          3. ต้องเสียสละ
          4. ต้องจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ ต้องเคร่งครัดในคำปฏิญาณ
          5. ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี
          6. ต้องเข้าใจว่า เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน

          "ทุกวันนี้ทหารมีบทบาทมาก ต้องมีความเป็นผู้นำมากกว่าคนอื่น เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตคน ยามปกติ ยามไม่สงบ และยามสงคราม ดังนั้นสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องมีคุณสมบัติที่พิเศษกว่าคนอื่น จะต้องเป็นคนดี มีภาวะผู้นำ ต้องมีธรรมาธิปไตย" พล.อ.เปรม กล่าว
          ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าว่า ทุกวันนี้คนเรามีการศึกษาทฤษฎีระดับสูง แต่กลับขี้โกงมากขึ้น ไม่มีจริยธรรมในการบริหารเทศ เป็นวิกฤติสังคม เหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แต่เราก็ต้องไม่ยอมแพ้ ต้องไม่ท้อแท้ ท้อถอย เราต้องหาทางออกให้ได้ ซึ่งประเทศไทยนั้นยังมีคนดี มีต้นแบบความเป็นผุ้ผู้นำซื่อสัตย์ มีคุณธรรม มีจริยธรรม เป็นความหวังให้เราก้าวเดินต่อไป
            สิ่งที่น่ากลัวยามนี้คือความเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด เลยดึงหรือสร้างแนวทางหรือแนวคิดเพื่อสร้างพวกพ้องให้เกิดขึ้นภายใต้ผลประโยชน์เล็กๆน้อย ทำให้เกิดความแตกแยกในองค์กรก็จะขัดต่อการดำเนินงานของประเทศโดยรวมเหมือนท่าน พอ.เปรม ท่านได้กล่าวไว้เบื้องต้น แต่อย่าปล่อยให้การดำเนินงานที่สวนกระแสสังคมแนวนโยบายที่ท่าน พอ.เปรม รับบุรุษของเรากล่าว โดยเฉพาะสามจังหวัดชายแดนภาคใต้น่าสงสารนะครับถ้ามีคนที่ไม่มีใจในการทำงาน สร้างพวกพ้องที่ไม่มีเหตุผล ทำให้เกิดรอยร้าวมากขึ้นกว่าเดิม ฝากไว้ให้คิด

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

บัณฑิตดีเด่นของอำเภอเบตง

ศอ.บต. มอบรางวัลบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิยอดเยี่ยม จังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) ระดับตำบล อำเภอ และระดับจังหวัด ในงาน “วันเกียรติยศบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิยอดเยี่ยม จชต. ประจำปี ๒๕๕๓”
วันนี้ (19 กันยายน 2553) เวลา 11.00 น. ที่โรงแรม ซี.เอส. จังหวัดปัตตานี นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาด เป็นประธานในพิธี วันเกียรติยศบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิยอดเยี่ยมจังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) ประจำปี 2553 โดยมี นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผอ.ศอ.บต. นายพิศาล ทองเลิศ รอง ผวจ.ปัตตานี และบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิ จชต. ทั้ง 5 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สงขลา และสตูล เข้าร่วม กว่า 1.000 คน นายถาวร เสนเนียม กล่าวว่า การเป็นผู้ได้รับเกียรติอันเยี่ยมยอด หรือรางวัลเกียรติยศ ต้องเกิดจากการทำความดี จากองค์กรที่ดี แต่ผู้ที่ไม่ได้รับรางวัลดีเด่นไม่ใช่คนไม่ดี แต่หมู่คนดีต้องมีการแข่งขัน ตามวัตถุประสงค์ของ ศอ.บต. และความต้องการของประชาชน ซึ่ง ศอ.บต.คำนึงถึงยุทธศาสตร์พระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ในการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ การเข้าใจ คือต้องการให้ข้าราชการและประชาชนกว่า 60 กว่าล้านเข้าใจซึ่งกันและกันในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาภาคใต้ เข้าถึง คือให้ทุกฝ่ายเข้าถึงซึ่งกันและกันและมีการพัฒนาให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน ไม่ใช้จากบนลงมาสู่ประชาชนโดยไม่รับรู้ว่าประชาชนต้องการอะไร จากการที่บัณฑิตอาสาจากหมู่บ้านละ 1 คน เป็นตัวแทนของประชาชนในการเชื่อมความต้องการ นำปัญหา และนำความปรารถนาดีจากภาครัฐและรัฐบาลไปสู่ประชาชน นับว่าเป็นผู้เสียสละให้กับประเทศชาติและบ้านเมือง ทำงานคู่กับประชาชนและคณะกรรมการหมู่บ้าน บางครั้งต้องเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งบัณฑิตอาสาจะเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมประสานสัมพันธ์ งานของการพัฒนาของ ศอ.บต.และของรัฐบาล
เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้บัณฑิตอาสาฯ และสนับสนุนการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการปฏิบัติงานของบัณฑิตอาสาฯ ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น และเพื่อสร้างอุดมการณ์และจิตสำนึกในการปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ ตลอดจนเสริมสร้างความสมานฉันท์สามัคคีของคนในชาติ และการมอบรางวัลและโล่เกียรติยศให้แก่บัณฑิตอาสาฯ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ ให้บัณฑิตอาสาฯ
ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวทางรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา โดยบัณฑิตอาสาได้รวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องเสนอให้กับส่วนราชการ ทั้งทางด้านครัวเรือน ผู้ว่างงาน ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสในหมู่บ้าน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการช่วยเหลือของหน่วยงานราชการ ตลอดจนเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้บัณฑิตอาสาฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

                 น้องแหม่มเป็นที่ยอมรับของทุกคน ผมขอชื่นชม ถ้าอยากเห็นผลงานของเธอและชาวบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10 ขอเชิญเยียมชมกิจกรรมได้ ณ บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10
                ในการทำงานที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ศอ.บต.เดินมาถูกทางแล้วที่มีโครงการเหล่านี้ครับ ฝากขอให้เพิ่มความเข้มค้นในการเลือกเฟ้นบุคคลเพื่อจะได้บุคคลที่มีประสิทธิภาพครับ

รีแล็กซ์

ชม

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

อาหารสุขภาพ

ส้มแขกกวน


         ส้มแขกกวน

ผู้ผลิต  กลุ่มสตรีสัมพันธ์


ประวัติความเป็นมา

                เนื่องจากพื้นที่ของอำเภอเบตง มีส้มแขกมาก        คณะกรรมการหมู่บ้านจึงมีแนวคิด      ให้มีการรวมกลุ่มสตรี ระยะแรกประมาณ 80 คน ระดมทุนคนละ  20   บาท  นำมาทดลองทำส้มแขกกวน  วางจำหน่ายตามร้านค้าต่าง ๆ ในอำเภอเบตง  หลังจากนั้นได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากเทศบาลเมืองเบตง จำนวน 50,000 บาท  นำมาพัฒนาในเรื่องของหีบห่อบรรจุภัณฑ์

กระบวนการ/ขั้นตอนการผลิต

1.       นำส้มแขกแห้งมาต้ม เอาเฉพาะเนื้อมาบดให้ละเอียด
2.       นำเนื้อส้มแขกที่ได้มากวนผสมกับน้ำตาล  เกลือ และแบะแซตามส่วน  กวนจนได้ที่ ตักพักไว้ให้เย็น  ห่อด้วยกระดาษแก้ว

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

                ไม่มีสารเจือปน  สะอาด  รสเปรี้ยวอมหวาน

ปริมาณการผลิตและราคา

                เดือนละ 500-700 กล่อง (กล่องละ 100 กรัม)  ขายส่งกล่องละ /20 บาท ขายปลีกกล่องละ25บาท

สถานที่จำหน่าย

                กลุ่มสตรีสัมพันธ์    ร้านค้าทั่วไปในอำเภอเบตง  /ศูนย์ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ นตผ..เบตง

สั่งซื้อ/ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

                กลุ่มสตรีสัมพันธ์ 26/2 .2 .กาแป๊ะกอตอ ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา โทร. 0-7323-2360
                ศูนย์ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ นตผ..เบตง ที่ว่าการอำเภอเบตง โทร. 0-7323-1147

                                                      กะซะ ประธานกลุ่มผู้ผลิตส้มแขกกวน

กล่องความคิดเห็น

กล่องความคิดเห็น

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ความต่อ กาแฟ

กว่าจะมาเป็นกาแฟ


ทำอย่างไร


ควันโขมง



นี่ไงเสร็จแล้ว

แนวคิดช่วยสังคม



แนวคิดและเทคนิกในการส่งเสริมและการทำงานกลุ่ม
1. มนุษย์สัมพันธ์:   ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เพื่อนๆที่ทำงานไม่ชอบ ไม่อยากคุยด้วย หรือ เข้ากับเพื่อนในที่ทำงานไม่ได้เลย คงต้องถึงเวลาพิจารณา และ ปรับปรุง ทักษะด้านสัมพันธ์กันเร่งด่วนแล้วละคะ อย่ามัวแต่หลอกตัวเองว่า เราดีแล้ว เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถ้าเราดีจริงแล้วเราจะไม่มีเพื่อนเอาเลยหรือคะ มนุษย์สัมพันธ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ ถ้ามนุษย์สัมพันธ์คุณแย่มากๆ ต่อให้คุณเก่งแค่ไหนก็ตาม มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และ แน่นอนคุณเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องติดต่อกับคนอื่น
          และถ้าคนในองค์กรคุณยังไม่สามารถทำได้ดี ก็คงลำบากถ้าจะให้หัวหน้าคุณเห็นว่า คุณจะสามารถทำได้ดีกับคนภายนอกองค์กร เพราะฉะนั้น เรามาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนๆ ในองค์กรกันก่อนดีกว่านะคะ
          2. ทีม: คุณทำงานเป็นทีมได้หรือเปล่า เคยสังเกตตัวเองไหมคะว่า คุณทำงานเป็นทีมได้ดีแค่ไหน หรือว่า ต้องทำงานคนเดียวถึงจะดี?  
         ในอนาคต การทำงานจะเน้นบุคคลที่ทำงานเป็นทีมได้ดีมากกว่าคนที่ชอบทำงานคนเดียว คุณทราบหรือไม่ว่า ในขณะนี้ทุกมหาวิทยาลัยในอเมริกา มีคอร์สฝึกสอนการทำงานเป็นทีมเพื่อรองรับความต้องการตลาดแรงงานในอนาคต ทำไมต้องเน้นเป็นทีมนะหรือคะ? ก็ต่อไปโลกเราก็จะแคบลงเพราะการพัฒนาในด้านต่างๆมีมากขึ้น การทำงานก็ต้องเป็นทีมมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นผู้มีทักษะในการทำงานเป็นทีม และ เป็นผู้ร่วมทีมที่ดีจะเป็นข้อจำเป็นในการทำงานทุกที่
          3. Committed: หรือ ข้อตกลงในการทำงานระหว่างคุณกันคนอื่นๆไงคะ นึกไว้เสมอเลยนะคะว่า อะไรที่คุณรับปากกับใครก็แล้วแต่ คุณต้องรับผิดชอบ และ ทำให้ได้ตามที่รับปาก ถ้าไม่ได้ หรือว่าล่าช้ากว่าที่เรารับปาก คุณต้องแจ้งล่วงหน้าให้แก่บุคคลที่คุณรับปากอย่างน้อยสองหรือสามวัน อันนี้เป็นมารยาททางการทำงานที่ดี เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะรับปากใครในเรื่องของการทำงาน คิดให้รอบคอบก่อนนะคะ
          4. ฉันเป็นฉันเอง: ประเภทสาวมั่น หนุ่มมั่น ที่เราอาจจะเห็นจากทีวี หรือ ภาพยนตร์ ถ้าจะนำมาใช้คุณต้องดูเวลา และ สถานที่ให้ดีก่อนนะคะ ไม่งั้นแทนที่จะช่วยเสริมให้คุณดูดี มีภาพพจน์ กลับจะทำลายอนาคต ทางการทำงานของคุณไปเลย หลักการที่ดี ก็คือ ดูบุคคลที่เราติดต่อด้วย และ จะมั่นใจอะไร ก็ควรกระทำอย่างพอดี และเราจะเป็นที่ชื่นชมว่าเป็นคนมีมารยาท และประสบความสำเร็จในการติดต่อทางธุรกิจ
          ในความเป็นจริงการติดต่อธุรกิจ คุณไม่สมควรใช้เหตุผลของสาวมั่นหรือหนุ่มมั่นมาใช้มากกว่าการเป็นคนเรียบร้อยมีมารยาท เพราะฉะนั้นข้อนี้ต้องระวังให้ดีนะคะ ใช้ให้ถูกที่ และ ถูกเวลา
          5. ขออยู่เงียบๆคนเดียว: ข้อนี้สำคัญมาก อย่าพยายามทำตัวไม่แคร์ใคร ไม่รู้จักใคร เพราะสุดท้ายคุณจะเวียนไปหัวข้อแรก และ แน่นอน คุณจะเป็นคนแรกที่ทุกคนลืม อย่าเป็นคนที่เครียดง่าย สนุกยาก ใครๆเข้าหายาก คงจะดีกว่า ถ้าคุณจะทำตัวเป็นคนที่ยิ้มง่าย และ เป็นมิตรกับทุกคน เวลาเศร้า เก็บไว้กับคนสนิท และรู้ใจดีกว่านะคะ
          6. ธุระส่วนตัว: ธุระทุกประเภทที่เป็นส่วนตัวของคุณ คุณอย่าใช้เวลาทำงานมาทำเป็นอันขาดเชียวนะคะ จำไว้เลยนะคะ เบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้เฉพาะลูกค้าที่จะโทรติดต่อเรื่องงาน อย่าให้เบอร์ที่ทำงานกับเพื่อนหรือแฟน แล้วก็คุยกันนอกเรื่องกันเป็นวันๆ รับรองได้ว่า อนาคตทางการงานของคุณคงจะไม่รุ่งแน่นอน เพื่อให้ประสบความสำเร็จทางการทำงานบางท่านถึงกับตั้งกฎไว้กับตัวเองเลยก็มีว่า ในชั่วโมงการทำงาน เขาจะไม่ทำอะไรที่ไม่ใช่งาน เช่น ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ ไม่คุยโทรศัพท์ส่วนตัว ไม่ไปธนาคาร สำหรับธุระส่วนตัวก็จะใช้เวลาที่ไม่ใช่เวลางานเท่านั้น
          7. ความรัก: ไม่ได้เด็ดขาดสำหรับความคิดที่จะมีความรักในที่ทำงานเดียวกัน จริงๆคุณก็ทำได้ แต่รับรองได้ว่า มันจะทำลายอนาคตการทำงานของคุณ เพราะทุกคนจะมองเหมือนจับผิดว่าคุณใช้เวลาในการทำงาน มาสร้างตำนานรักมากกว่า อย่าเสี่ยงจะดีกว่านะคะ
          8. เป้าหมาย: เป้าหมาย และ เป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญ สำหรับเจ้านายของคุณ ถ้าคุณทำงานแบบมีเป้าหมายว่า งานแต่ละอย่างที่อยู่ในความรับผิดชอบของคุณมีแผนการเสร็จเมื่อไหร่ คุณมีเป้าหมายในการทำงานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จตามที่หัวหน้า หรือ บริษัทตั้งเป้า ถึงคุณจะทำไม่ได้จริง [แต่คุณต้องพยายามเต็มที่แล้วนะ] รับรองได้ว่า หัวหน้าคุณคงมองคุณแบบไม่ธรรมดา และจะเป็นโอกาสที่ดีของคุณในการทำตัวให้น่าเชื่อถือ แต่ระวังอย่าใช้เป้าหมายมาพูดและทำไม่เคยได้เลย เพราะจะกลายเป็นการคุยอวดมากกว่า
          9. บุคลิก: สุภาษิตที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ยังคงใช้ได้ดีเสมอ บุคลิก และ การแต่งกาย เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่จะช่วยกำหนดความสำเร็จทางการทำงานของคุณ อย่าพยายามแต่งกายมากเกินไป หรือ น้อยเกินไป และที่สำคัญ อย่าแต่งกาย แบบที่ไม่ใช่คุณ คุณอาจจะเห็นดารา นางแบบ ใส่เสื้อตัวหนึ่งสวย แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะสวยเหมือนนางแบบถ้าคุณเอามาใส่  การแต่งกายที่ดี สำหรับการทำงาน ก็คือ สุภาพ และ โชว์บุคลิกเฉพาะของคุณออกมา
          ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่า แต่งกายแบบไหนเหมาะกับคุณ ขอแนะนำให้ถามคนที่คุณสนิท และจริงใจกับคุณ คุณก็จะได้แนวการแต่งกายที่เหมาะกับคุณ หรือถ้ามีตังค์ก็อยากแนะนำให้หาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ แต่ก็ต้องระวังนะคะ หลายสถาบันสอนบุคลิกภาพ ชอบสอนให้แต่งตัวแบบเหมือนๆกันหมด จนบังความมีเสน่ห์ของคุณไปเลยก็ได้ ดีไม่ดีกลายเป็นหุ่นยนต์รุ่นต่างๆที่เราเห็นก็ทราบทันทีว่าไปเข้าสถาบันสอนบุคลิกภาพที่ไหนมา ทางที่ดีต้องปรึกษาหลายคนๆก่อนตัดสินใจนะคะ
         10. สร้างสรรค์: หัวใจของความสำเร็จทางการทำงาน คือ ความคิดสร้างสรรค์ อย่าพยายามเป็นคน ใครว่าอะไร ฉันก็เห็นด้วยไปเสียทุกอย่าง คุณไม่จำเป็นต้องเถียง หรือ โต้แย้ง ถ้าคุณยังไม่มีข้อมูล หรือ ยังไม่กล้าพูด แต่ คุณต้องพยายามฝึกสมองของคุณให้คิดในแบบของคุณอยู่เสมอ ทุกการทำงานของคุณ คุณต้องพยายามคิดว่า คุณจะทำอะไรเพิ่มเติมให้งานที่ทำอยู่ปัจจุบัน ดีขึ้น สะดวกขึ้นกว่าเดิมได้ไหม หลักของการเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ง่ายๆ ก็คือ กล้าคิด คิดให้บ่อย คิดให้มาก และคุณก็จะเป็นคนคิดสร้างสรรค์
          ทั้งหมด 10 ข้อ เป็นสิ่งที่เราจะต้องระลึกอยู่เสมอในการทำงาน เพื่อส่งเสริมการทำงานของเราให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ที่นี้เราก็สามารถมั่นใจได้ว่า นอกจากเราจะเก่งงานที่รับผิดชอบ เรายังเก่งในการเป็นเพื่อน และ ผู้ทำงานที่ดีขององค์กรด้วย
สร้างมนุษยสัมพันธ์ สร้างความคิดที่ดี ชีวิตการทำงานก็จะเป็นสุข
-          หวนกลับมาดูการทำงานของพวกเรากันบ้างนะครับ  พวกเราทำงานแบบคนรวยทำครั้งหนึ่งหยุดสามวัน สมาชิกก็มีแต่คนรวยๆ  ไม่ได้เดือดร้อน บางครั้งเกรงใจเจ้าหน้าที่ก็รวมกลุ่ม จะพบปัญหามากในสามจังหวัด รวมตัวเฉพาะกิจมีงบก็รวมตัวงบหมดก็สลายกลุ่ม(เสียดายนะครับยังมีคนที่เดือดร้อนอีกมากมายที่ตกงาน แต่เราไม่ได้มามีส่วนร่วมในการแก้ไขของชาติ เลยครับ
-          เราต้องกลับมามองสังคมให้มากกว่านี้ นะครับอย่ามองแต่ตัวเอง เราจะอยู่ไม่ได้

กาแฟโบราณ



กาแฟเบตง

ผู้ผลิต  กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรนารีพัฒนา

ประวัติความเป็นมา

                เนื่องจากการนิยมดื่มกาแฟที่ทำกันเองในครัวเรือน  และอำเภอเบตงมีกาแฟพันธุ์อาราบิกา ซึ่งปลูกแซมตามสวนผลไม้ สวนยาง หรือบริเวณบ้าน     จึงได้มีแนวคิดในการรวมกลุ่มแม่บ้านขึ้นเพื่อผลิตกาแฟโบราณ  โดยใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม จัดตั้งกลุ่มเมื่อ 26 มกราคม  2542  สมาชิกก่อตั้ง จำนวน 18 คน ปัจจุบัน  60 คน  ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร  เทศบาลเมืองเบตง  กรมการพัฒนาชุมชน  พาณิชย์จังหวัดยะลา  สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดยะลา ฯ

กระบวนการ/ขั้นตอนการผลิต

1.       นำเมล็ดกาแฟมาล้างให้สะอาด ผึ่งให้แห้ง
2.       นำมาคั่วให้กรอบ เป็นสีดำ
3.       ตักใส่ภาชนะพักไว้
4.       นำน้ำตาลทรายขาว น้ำตาลแดง  เกลือ เคี่ยวจนเป็นยางมะตูม
5.       นำเมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วใส่เคี่ยวให้แห้ง ยกลงพอเย็นนำมาตำให้ละเอียด
6.       ร่อนเอากากออก  บรรจุในภาชนะจำหน่าย

จุดเด่นของผลิตภัณฑ์

                รสชาติหอม  อร่อย  ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม

ปริมาณการผลิตและราคา

                เดือนละ 3,000 – 5,500  กล่อง   ขายส่งกล่องละ 75 บาท  ขายปลีกกล่องละ 80  บาท

สถานที่จำหน่าย

                กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรนารีพัฒนา 27/1 ม.7 .เบตง อ.เบตง จ.ยะลา           โทร. 0-7323-5203,
089-463-0996   ร้านค้าทั่วไปในอำเภอเบตง และต่างจังหวัด   หรือศูนย์ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ นตผ..เบตง
 ที่ว่าการอำเภอเบตง โทร. 0-7323-1147  และงานแสดงและจำหน่าย OTOP ทั่วประเทศ

สั่งซื้อและขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

                กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรนารีพัฒนา  27/1  .7  .เบตง  .เบตง  .ยะลา  โทร.  0-7323-5203,    089-463-0996     หรือศูนย์ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ นตผ..เบตง ที่ว่าการอำเภอเบตง โทร. 0-7323-1147

โอท็อป

OTOP ที่น่าสนใจ อ.เบตง

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

ความฉลาดทางอารมณ์

มาลองเรียนรู้ถึง อีคิวคืออะไร?

อีคิว หรือ E.Q. มาจากคำว่า Emotional Quotient หมายถึง ความฉลาดทางอารมณ์
ความฉลาดทางอารมณ์ คือ ความสามารถทางอารมณ์ที่จะช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีความสุข
อีคิว ถือเป็นเรื่องใหม่ในแวดวงการศึกษาและจิตวิทยา เพราะเพิ่งได้รับความสนใจและยอมรับในความสำคัญอย่างจริงจังเมื่อ ๑๐ กว่าปีมานี้ เดิมเคยเชื่อกันว่า ความสามารถทางเชาวน์ปัญญาหรือไอคิว คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่ดีและมีความสุข
ต่อมา นักจิตวิทยาเริ่มตั้งข้อสงสัยต่อความเชื่อความเข้าใจดังกล่าว เพราะไม่เชื่อว่าความสำเร็จและความสุขในชีวิตของคน ๆ หนึ่งจะขึ้นอยู่กับความสามารถทางเชาวน์ปํญญาแต่เพียงอย่างเดียว แต่เนื่องจากในระยะนั้นยังไม่มีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยที่เพียงพอ ความคิดนี้จึงถูกละเลยไปอย่างน่าเสียดาย
จนกระทั่ง ในปีค.ศ.๑๙๙๐ ซาโลเวย์และเมเยอร์ สองนักจิตวิทยาได้นำความคิดนี้มาพูดถึงอีกครั้ง โดยเอ่ยถึงความฉลาดทางอารมณ์ เป็นครั้งแรกว่า "เป็นรูปแบบหนึ่งของความฉลาดทางสังคมที่ประกอบด้วยความสามารถในการรู้อารมณ์และความรู้สึกของตนเอง และผู้อื่นสามาารถแยกความแตกต่างของอารมณ์ที่เกิดขึ้น และใช้ข้อมูลนี้เป็นเครื่องชี้นำในการคิดและกระทำสิ่งต่าง ๆ"
จากนั้น แดเนียล โกลแมน นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ก็สานต่อแนวคิดนี้อย่างจริงจังโดยได้เขียนเป็นหนังสือเรื่อง ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) และได้ให้ความหมายของอีคิวว่า "เป็นความสามารถหลายด้าน ได้แก่ การเร่งเร้าตัวเองให้ไปสู่เป้าหมาย มีความสามารถควบคุมความขัดแย้งของตนเอง รอคอยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น สามารถจัดการกับอารมณ์ไม่สบายต่าง ๆ มีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง"
หลังจาก หนังสือความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) ของแดเนียล โกลแมน ออกสู่สาธารณชน ผู้คนก็เริ่มให้ความสนใจกับความฉลาดทางอารมณ์มากขึ้น ประกอบกับระยะหลังมีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันถึงความสำคัญของความฉลาดทางอารมณ์
อีคิวหรือความฉลาดทางอารมณ์ จึงได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญต่อความสำเร็จและความสุขในชีวิตมนุษย์ กลายเป็นเรื่องฮิตที่มาแรงแซงหน้าไอคิวไปในระยะหลัง
นอกจากคำว่า Emotional Quotient ที่เราเรียกว่า อีคิวแล้ว ยังมีคำอื่น ๆ อีกหลายคำที่นักวิชาการใช้ในความหมายใกล้เคียงกัน เช่น
Emotional Intelligence
Emotional Ability
Interpersonal Intelligence
Multiple Intelligence
กรมสุขภาพจิตได้พัฒนาแนวคิดเรื่อง ความฉลาดทางอารมณ์ ที่ประกอบด้วยปัจจัยสำคัญ ๓ ประการคือ
๑. ความดี
๒. ความเก่ง
๓. ความสุข
ดี หมายถึง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง รู้จักเห็นใจผู้อื่น และมีความรับผิดชอบต่อส่วนร่วม ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง
- รู้อารมณ์และความต้องการของตนเอง
- ควบคุมอารมณ์และความต้องการได้
- แสดงออกอย่างเหมาะสม
ความสามารถในการเห็นใจผู้อื่น
- ใส่ใจผู้อื่น
- เข้าใจและยอมรับผู้อื่น
- แสดงความเห็นใจอย่างเหมาะสม
ความสามารถในการรับผิดชอบ
- รู้จักการให้ รู้จักการรับ
- รู้จักรับผิด รู้จักให้อภัย
- เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
เก่ง หมายถึง ความสามารถในการรู้จักตนเอง มีแรงจูงใจ สามารถตัดสินใจ แก้ปัญหาและแสดงออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
ความสามารถในการรู้จักและสร้างแรงจูงใจให้ตนเอง
- รู้ศักยภาพของตนเอง
- สร้างขวัญและกำลังใจให้ตนเองได้
- มีความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย
ความสามารถในการตัดสินใจและแก้ปัญหา
- รับรู้และเข้าใจปัญหา
- มีขั้นตอนในการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม
- มีความยืดหยุ่น
ความสามารถในการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น
- รู้จักการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
- กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม
- แสดงความเห็นที่ขัดแย้งได้อย่างสร้างสรรค์
สุข หมายถึง ความสามารถในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข มีความภูมิใจในตนเองพอใจในชีวิต และมีความสุขสงบทางใจ
ความภูมิใจในตนเอง
- เห็นคุณค่าในตนเอง
- เชื่อมั่นในตนเอง
ความพึงพอใจในชีวิต
- รู้จักมองโลกในแง่ดี
- มีอารมณ์ขัน
- พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
ความสงบทางใจ
- มีกิจกรรมที่เสริมสร้างความสุข
- รู้จักผ่อนคลาย
- มีความสงบทางจิตใจ
ความฉลาดทางอารมณ์ = เข้าใจตนเอง + เข้าใจผู้อื่น + แก้ไขความขัดแย้งได้
เข้าใจตนเอง ---> เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกและความต้องการในชีวิตของตนเอง
เข้าใจผู้อื่น ---> เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น และสามารถแสดงออกมาได้อย่างเหมาะสม
แก้ไขความขัดแย้งได้ ---> เมื่อมีปัญหาสามารถแก้ไขจัดการให้ผ่านพ้นไปได้อย่างเหมาะสมทั้งปัญหาความเครียดในใจ หรือปัญหาที่เกิดจากการขัดแย้งกับผู้อื่น

งานที่ต้องเอาใจใส่

งานช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส

ฮัลโหล